ปัญหาที่กังวลของคนไข้
- อยากแก้ไขชั้นตาให้ตาดูโตขึ้น เห็นตาสองชั้นชัดเจนขึ้น และเปิดหัวตาให้ตาดูขยายมากขึ้น
- อยากมีใบหน้าเรียวยาวขึ้น มีความสมส่วน ทรงวีเชฟ
- มีปัญหาคางยื่นเล็กน้อย
รายการศัลยกรรมผ่าตัด
- ผ่าตัดแก้ไขชั้นตา + ปรับกล้ามเนื้อตา (กรีดลดชั้นตา) + เปิดหัวตา กับ Dr. Ahn Tae Joo
- ผ่าตัดเลื่อนขากรรไกร + ผ่าตัดวีไลน์ (กราม + คาง) กับ Dr. Shin Hee Jin
แพลนรีวิวจากคนไข้วันที่ 1 – 28 หลังการผ่าตัดศัลยกรรม
กลางดึก – หลังการผ่าตัด
ฉันไม่ต้องการที่จะพูดแบบนี้ แต่คืนหลังการผ่าตัดเป็นการต่อสู้กับความเจ็บปวดที่แท้จริงสำหรับฉัน ฉันเจ็บคอมาก และมีเสมหะอยู่ในปากฉันจำนวนมาก รวมไปถึงมีอาการคัดจมูก และฉันก็หายใจได้ไม่สะดวกนัก และมีอาการเวียนหัวมากจากยาสลบ แต่เพราะการหายใจที่ลำบาก ทำให้ฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยตลอดทั้งคืน อย่างไรก็ตาม ฉันที่เพิ่งฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ก็ทำให้รู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ 5555 แม่ของฉันและทีมเอเจนซี่อยู่กับฉันจนดึกดื่น แม้ว่าฉันจะจำอะไรไม่ได้มากนัก หลังจากพวกเขากลับที่พักไป พยาบาลก็เข้ามาดูแลฉันจนถึงเช้า (ฉันขอความช่วยเหลือทุก ๆ 2 ชม.)
วันที่ 1 – หลังการผ่าตัด
แม่ของฉันและทีมเอเจนซี่มาเยี่ยมฉันตั้งแต่เช้า ซึ่งฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก มีคนบอกว่าการผ่าตัดของฉันใช้เวลานานกว่าปกติเพราะฉันมีกระดูกที่หนาและแข็งแรงมาก (ร้องไห้) TT.TT อย่างไรก็ตาม คุณหมอชินบอกว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จและฉันจะดูสวยในไม่ช้า! คุณหมอชินทำความสะอาดปากและล้างจมูกให้ฉัน และหลังจากนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก ตามสภาพของฉัน ฉันทำได้ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนแม้ว่าจะยังหายใจลำบากอยู่ก็ตาม ฉันยังคงพยายามฟื้นตัวจากการดมยาสลบ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกคลื่นไส้มากและถึงกับอ้วกออกมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นฉันก็พยายามนอนหลับตลอดทั้งวัน
วันที่ 2 – ได้ออกจากโรงพยาบาล
วันนี้ความเจ็บปวดน้อยลงแต่ใบหน้าของฉันเริ่มมีอาการบวม! เมื่อคืนฉันสามารถนอนได้นิดหน่อยและฉันก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้ว ฉันสามารถเดินไปรอบ ๆ โรงพยาบาลและเปลี่ยนก้อนน้ำแข็งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีพยาบาลคอยช่วยเหลือ ในตอนเช้า คุณหมอชินทำแผลให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะออกจากโรงพยาบาล ฉันรู้สึกถึงแรงกดดันในหู แต่หมอชินบอกว่ามันจะหายไปใน 1-2 สัปดาห์ และฉันรู้สึกดีที่ได้ออกไปข้างนอกอีกครั้ง ฉันไปเดินเล่นกับแม่ในตอนเย็นและหวังว่าการเดินเล่นนี่จะช่วยลดเรื่องอาการบวมได้
วันที่ 3 – อาการปวดเริ่มดีขึ้น แต่อาการบวมยังไม่ยุบ
เมื่อคืนฉันนอนหลับได้ดีมากขึ้นและหายใจสะดวกขึ้น ตอนนี้ไม่มีอาการปวดเท่าไรแต่มีความรู้สึกไม่สะดวกสบายมากกว่า ซึ่งอาการบวมนั้นแย่กว่าเมื่อวาน และฉันค่อนข้างไม่ชอบสภาพตัวเองในตอนนี้ แม่ของฉันบอกว่าชอบแก้มป่อง ๆ ของฉัน และนั่นมันทำให้ฉันน่ารัก 555 วันนี้ฉันออกไปช้อปปิ้งและไปออกกำลังกายไทเก็กกับแม่ ฉันเห็นรอยช้ำรอบปากของฉันในตอนเย็น และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะดีขึ้นในไม่ช้า
วันที่ 4 – พบคุณหมอเพื่อตรวจอาการโดยรวม
วันนี้อาการบวมของฉันถึงจุดสูงสุด และฉันรู้สึกเหมือนลูกโป่งที่ใกล้จะแตก! ฉันสังเกตเห็นรอยฟกช้ำมากขึ้นด้วย ดังนั้นฉันจึงกังวลเล็กน้อยแม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ฉันกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาการบวมที่ไม่เท่ากัน และคุณหมอชินก็ใจดีพอที่จะดูแผลให้ฉัน (ซาบซึ้งในน้ำใจของเขาจริง ๆ !) คุณหมอยังให้ความมั่นใจกับฉันว่าการบวมไม่มีปัญหาและการฟื้นตัวของฉันมาถูกทางแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น วันนี้ฉันเดินได้อีกนิดหน่อยจึงไปซื้อของที่มาร์ทกับแม่ และสิ่งฉันอยากจะบอกคือฉันเกลียดน้ำฟักทองมาก ฉันยอมให้หน้าฉันบวมมากกว่าที่ต้องดื่มมัน 5555
วันที่ 5 – อาการบวมเริ่มยุบลง และสามารถยิ้มและพูดได้บ้างแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นจริง ๆ ตอนนี้อาการเจ็บปวดน้อยลงและอาการบวมก็ลดลงเล็กน้อย (ลูกโป่งไม่แตกแล้ว) ในที่สุดฉันก็เห็นแสงสว่างในอุโมงค์นี้ แม้ว่ารอยฟกช้ำของฉันจะดูเข้มขึ้น แต่ฉันก็ไม่ได้กังวลใจเกี่ยวกับมันนัก ฉันสามารถยิ้มได้กว้างขึ้นและสามารถพูดได้บ้างบางคำ ทำให้ความอยากอาหารของฉันกลับมาแล้ว ดังนั้นฉันจึงกิน (หมายถึงการดื่ม) ค่อนข้างมาก มันแย่มากที่ได้แต่ทานอาหารเหลว แต่ฉันคิดว่านี่คงเป็นโปรแกรมลดน้ำหนักของฉัน 5555 และหลังจากทำเลเซอร์ที่โรงพยาบาล EU เสร็จ ฉันก็ไปเดินเล่นที่โซลฟอเรสต์ และวันนี้ก็ช่างเป็นวันที่มีความสุขจริง ๆ! 🙂
วันที่ 6 – เริ่มเห็นรูปหน้าใหม่ชัดขึ้น
อาการบวมเริ่มลดลงและวันนี้ฉันสามารถเห็นรูปหน้าใหม่ได้ชัดเจนมากขึ้น กิจวัตรประจำวันของฉันเกือบจะกลับมาเป็นปกติได้แล้ว (ยกเว้นการกินอาหารเหลวและยังห้ามพูดอยู่) ฉันสามารถอ้าปากได้กว้างเกือบสองนิ้วและพูดได้ตามปกติถ้าฉันพยายามที่จะพูด วันนี้ฉันไปซื้อของที่ Goto Mall กับแม่ ฉันทึ่งมากที่เสื้อผ้าที่นี่ถูกและดี! ฉันเดินซื้อของอยู่เกือบทั้งวัน และหวังว่าการเดินครั้งนี้จะช่วยให้อาการบวมยุบลงได้นะ
วันที่ 7 – นัดกับคุณหมอชินอีกครั้ง เพื่อตรวจอาการบวมและดูการฟื้นตัวของใบหน้า
วันนี้ฉันมีนัดกับคุณหมอชิน คุณหมอบอกว่าการฟื้นตัวของฉันเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ และบาดแผลก็ดีขึ้นมาก เขายืนยันว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีรอยช้ำและมันจะหายไปในที่สุด ดังนั้นฉันไม่ควรกังวลกับมันมากนัก นอกจากนี้คุณหมอชินยังเสริมว่าฉันไม่ควรขยับปากหรือพูดต่อไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะมันอาจทำให้การสร้างกระดูกของฉันหยุดชะงักได้ ฉันรู้สึกดีมากที่ได้ยินจากคุณหมอว่าอาการของฉันค่อนข้างฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ามันจะค่อนข้างเศร้าที่ฉันไม่ควรพูดในตอนนี้ นอกจากนี้ ความอยากอาหารของฉันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว และฉันเริ่มที่จะคิดถึงการกินอาหารแข็ง ๆ แล้ว!
วันที่ 8-10 – ไม่ต้องกินยาแล้ว และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว
ตอนนี้ฉันไม่ต้องกินยาแล้ว!!! เย้ 🙂 ความเจ็บอยู่ที่ 0.5/10 แต่ก็ยังมีอาการชาและรู้สึกเสียวซ่าอยู่มาก นี่คงเป็นสัญญาณที่ดีว่าเส้นประสาทกำลังได้รับการเยียวยา การนอนหลับของฉันดีมากและฉันก็กลับไปใช้กิจวัตรประจำวันตามปกติได้แล้ว ฉันสามารถยิ้มได้กว้างขึ้นแม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และในวันที่ 10 อาการบวมก็ลดลงประมาณ 30% รอยช้ำของฉันเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีแดง ส่วนแม่ของฉันบินกลับประเทศไทยแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกเหงานิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ฉันจึงมีอะไรหลายอย่างให้ชื่นชมและได้ทำในโซล
วันที่ 11-13 – อาการบวมลดลงไป 50%
อาการบวมลดลงในทุกวัน ในวันที่ 13 ฉันคิดว่าอาการบวมของฉันลดลงไปประมาณ 50% แล้ว ฉันพยายามเดินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดอาการบวม ฉันไปสถานที่มากมายในโซล เช่น อิแทวอน โซลทาวเวอร์ เมียงดง และที่อื่น ๆ ซึ่งมันเหมือนเป็นการฝึกความอดทน เพราะมันยากมากที่ในตอนนี้ฉันทานได้แต่อาหารเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันชอบอาหารเกาหลีมาก ๆ แล้วมาเดินตลาดเมียงดง มันเป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจมาก ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่สามารถกินสตรีทฟู้ดที่นี่ได้เลย
วันที่ 14 – พบคุณหมอชินเพื่อตรวจอาการโดยรวม และทำการตัดไหม
ขั้นตอนการเย็บแผลบอกตามตรงว่าเจ็บนิดหน่อย อาจเป็นเพราะเส้นประสาทของฉันได้รับการเยียวยา ฉันรู้ว่าคุณหมอชินพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้ไม่เจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โชคดีที่ไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ และการฟื้นตัวของฉันเป็นไปอย่างราบรื่น ข่าวดีก็คือตอนนี้ฉันสามารถเปลี่ยนจากอาหารเหลวไปเป็นอาหารอ่อนได้แล้ว แต่ฉันยังคงฝันถึงเนื้อย่างและไก่ทอดในทุกคืนและฉันคิดว่าเวลามันจะผ่านไปเร็ว ๆ อีกอย่างที่ทำให้ดีใจมาก ๆ เช่นกันคือ หมอชินบอกว่าตอนนี้ฉันสามารถพูดได้มากกว่านี้แล้ว คืนนี้ฉันจึงคุยโทรศัพท์กับเพื่อนได้แล้ว 🙂
วันที่ 15-19 – อาการบวมดีขึ้นในทุกวัน และใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้น
อาการของฉันค่อย ๆ ดีขึ้นทุกวัน แม้ว่ารอยช้ำจะยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าแม่ของฉันกลับไปประเทศไทยแล้ว แต่โชคดีที่เพื่อนของฉันคนหนึ่งมาเที่ยวโซล ฉันเลยได้ไปเที่ยวกับเขา ฉันได้เริ่มแต่งหน้าเป็นครั้งแรก หลังจากการผ่าตัด แต่มันก็ยังรู้สึกแปลก ๆ 555 เพื่อนของฉันบอกว่าอาการบวมของฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้น และฉันก็ไม่ควรกลัวที่จะออกไปในที่สาธารณะ น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถกินข้าวกับเพื่อนได้ เพราะยังคงกินได้แต่อาหารอ่อน ๆ แต่เขากลับชมฉันว่าฉันดูผอมลงและดูเด็กขึ้น เนื่องจากฉันสามารถเดินได้มากกว่า 10 กม. ต่อวัน เพื่อช่วยเรื่องอาการบวม แต่ตอนนี้อากาศหนาวมาก (-7 องศา) ฉันจึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านแทน
วันที่ 20 – พบคุณหมอชินครั้งสุดท้าย เพื่อทำการถอดสกรู และดูแผ่นเอกซเรย์ใบหน้าก่อนและหลังผ่าตัด
บอกตามตรงว่าฉันกลัวขั้นตอนการถอดสกรูมาก ฉันอ่านรีวิวออนไลน์ว่ามันอาจจะเจ็บปวดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนั้นก็ผ่านไปรวดเร็วมากเหมือนกัน และมันก็ไม่แย่อย่างที่คิด! นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้พบกับคุณหมอชิน ก่อนที่ฉันจะเดินทางกลับประเทศไทย คุณหมอชินแสดงภาพเอ็กซเรย์ใบหน้าก่อนและหลังผ่าตัดให้ฉันดู ฉันรู้สึกเหมือนหม้อแปลงที่มีแผ่นไททาเนียมอยู่ในกระดูกเลย 5555 จากการเอ็กซเรย์ เห็นได้ชัดว่าความไม่สมดุลของใบหน้าของฉันได้รับการแก้ไขแล้ว และกรามของฉันเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันมีความสุขกับผลลัพธ์ที่ได้และแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นใบหน้าสุดท้ายของตัวเองแล้ว
วันที่ 21 – 28 (สัปดาห์ที่ 4 หลังการผ่าตัด) – เดินทางกลับประเทศไทย
ในที่สุดฉันก็เดินทางกลับไทยแล้ว! ฉันคิดถึงสุนัขของฉันมาก ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเจอมันอีกครั้ง T.T ฉันยังคงหยุดงานอีกหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นฉันจึงอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ฉันไปหาเพื่อนสนิทของฉันเพื่อโชว์ใบหน้าใหม่ของฉันให้เพื่อน ๆ ดู ทุกคนต่างบอกว่าอาการบวมนั้นไม่เลวร้ายนักและใบหน้าของฉันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นจากแต่ก่อน พวกเขาถึงกับบอกว่าอยากมาเกาหลีเพื่อทำศัลยกรรมเหมือนฉันเลย 555 ถึงตอนนี้ รอยยิ้มของฉันมันยังดูฝืน ๆ แต่ฉันสามารถอ้าปากได้กว้างขึ้นและกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น ฉันกินจนน้ำหนักขึ้นมา 2 กิโลกรัมในหนึ่งสัปดาห์ 555
สัปดาห์ที่ 5 หลังการผ่าตัด – อาการบวมลดลง 70%
ตอนนี้ฉันกลับมาทำงานที่ออฟฟิศแล้ว (ร้องไห้) เพื่อนร่วมงานของฉันต่างชื่นชมใบหน้าของฉัน บอกว่าฉันดูอ่อนกว่าวัยขึ้นมากและผลลัพธ์ของใบหน้าก็ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังมีอาการชาที่ส่วนล่างของใบหน้าอยู่บ้าง แต่อาการบวมลดลงมาก ประมาณ 70% แล้ว ฉันไปพบหมอฟันและเธอยังชมคุณหมอชินว่าเขาทำได้ดี จากนั้นฉันตัดสินใจทำการรักษาด้วยการจัดฟัน Invisalign ต่อไป เนื่องจากโครงสร้างกรามของฉันเปลี่ยนไป การรักษาจึงต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ และชุดเครื่องมือ Invisalign จะมาถึงในอีก 2 เดือน ฉันจึงต้องใส่แผ่นเวเฟอร์จนกว่าจะถึงเวลานั้น
สัปดาห์ที่ 6 หลังการผ่าตัด – สามารถอ้าปากได้กว้างขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิมแล้ว
อาการบวมของฉันลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ช้าลงกว่าสองสามสัปดาห์แรกมาก อาจเป็นเพราะฉันยุ่งกับงานและตารางนัดหมายอื่น ๆ จนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ตอนนี้ฉันสามารถอ้าปากได้กว้างเกือบสามนิ้วแล้ว และฉันก็กลับมากินอาหารส่วนใหญ่ที่ชอบได้แล้ว เช่น ข้าวผัด ขนมปัง สปาเก็ตตี้ ราเมง ฯลฯ ตอนนี้น้ำหนักฉันกลับมาเท่าตอนก่อนศัลยกรรมแล้ว 5555 สัปดาห์นี้เป็นเทศกาลคริสต์มาส ดังนั้นฉันจึงพบเพื่อนและมีปาร์ตี้มากมาย แม้ว่าใบหน้าของฉันจะยังมีอาการบวมในบางส่วน แต่ฉันคิดว่าฉันดูดีตอนถ่ายรูปออกมานะ (ขอบคุณพระเจ้าเพราะฉันรู้สึกประหม่ามาก) มีบางมุมที่ยังดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่อีกแค่เพียง 6 สัปดาห์ ก็เลยบอกตัวเองว่าอดทนรอ และฉันจะพยายามฝึกบริหารกรามทุกวัน โดยหวังว่าทุกอย่างบนใบหน้าของฉันจะฟื้นตัวเต็มที่ในไม่ช้า
รูปภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังผ่าตัด ผ่านไป 14 วัน
รูปภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังผ่าตัด ผ่านไป 20 วัน
รูปภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังผ่าตัด ผ่านไป 22 วัน
รูปภาพเปรียบเทียบใบหน้าทุกมุมหลังผ่าตัดศัลยกรรม ผ่านไป 6 สัปดาห์
รูปภาพเปรียบเทียบใบหน้าทุกมุมหลังผ่าตัดศัลยกรรม ผ่านไปประมาณ 2 เดือน
สรุปราคาและค่าใช้จ่าย
- ปรับกล้ามเนื้อพร้อมกรีดลดชั้นตา + เปิดหัวตา กับ Dr.Ahn Tae Joo ราคา 7,000,000 วอน ~ 200,000 บาท
- เลื่อนขากรรไกร + วีไลน์ กับ Dr. Shin Hee Jin ราคา 30,000,000 วอน ~ 810,000 บาท – EU
รวมราคาศัลยกรรม 37,000,000 วอน ~ 1 ล้านบาท
รีวิวจากคนไข้เขียนถึงความประทับใจในการไปทำศัลยกรรมกับเอเจนซี่ Surgery Review